☑︎ รีวิวนี้อัปเดตล่าสุดเมื่อ กรกฎาคม 2025
ถ้าคุณเคยหาข้อมูลเกี่ยวกับ VPN สัก 10 นาทีขึ้นไป ก็มีโอกาสสูงมากที่คุณจะเจอชื่อ NordVPN โผล่มาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง –
การตลาดจัดจ้าน คำเคลมแรง ผู้ใช้เป็นล้าน 🌈🦄
แต่คำถามจริงจังคือ:
NordVPN ดีจริง หรือแค่โคตรเก่งเรื่องโฆษณา?
ในรีวิวฉบับนี้ เราจะลงลึกแบบไม่มีกั๊ก ทั้งในเรื่องประสิทธิภาพจริง ความปลอดภัย นโยบายความเป็นส่วนตัว ราคาที่ต้องจ่าย รวมถึงเครื่องมือเสริมทั้งหมดที่ NordVPN มีให้
ในคู่มือนี้เราจะเจาะประเด็นหลัก ๆ เหล่านี้:
- อะไรทำให้ NordVPN แตกต่างจาก VPN เจ้าอื่น?
- ความปลอดภัยแน่นแค่ไหน หรือแค่ดูปลอดภัยเฉย ๆ?
- ความเร็วจริงเป็นยังไง โดยเฉพาะเวลาเล่นเกมหรือดู Netflix?
- การขอเงินคืนภายใน 30 วัน ทำได้ง่ายแค่ไหน?
- NordVPN ดีกว่า VPN อันดับต้น ๆ เจ้าอื่นไหม?
ป.ล. ถ้าคุณคิดจะสมัคร อย่าลืมดู ส่วนคูปอง ตอนท้ายรีวิว – มีทริกเล็ก ๆ ที่จะทำให้คุณได้ ใช้งานเพิ่มฟรี 4 เดือน
เริ่มจากคำถามง่าย ๆ ก่อนเลย:
ฟีเจอร์เด่นของ NordVPN
ความเร็วและการปลดบล็อก
บริการเสริมในระบบ Nord
แพ็กเกจ ราคา และการขอเงินคืน
โบนัส: คูปองส่วนลด NordVPN
NordLayer สำหรับธุรกิจ
ข้อดีและข้อจำกัดของ NordVPN
สรุป: ควรใช้ NordVPN ไหม?
ความคิดเห็นจากผู้ใช้งาน
NordVPN คืออะไร?
พูดง่าย ๆ เลย: NordVPN คือบริการออนไลน์ที่ช่วย ซ่อน IP จริงของคุณ 🥷 และเข้ารหัสการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณ เพื่อให้ใช้งานเว็บได้อย่างปลอดภัย ปลอดจากตัวติดตาม และสามารถเข้าถึงเนื้อหาต่างประเทศได้จากทุกมุมโลก
ประมาณว่าเป็นเสื้อคลุมล่องหนสำหรับชีวิตดิจิทัลของคุณ:
ช่วยพรางตำแหน่งของคุณ ป้องกันข้อมูลสำคัญ และพาคุณหลุดรอดจากกำแพงดิจิทัลระดับโลกแบบนินจาเนียน ๆ
ด้วยจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 10 ล้านราย NordVPN เป็นหนึ่งใน VPN ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก (บางคนบอกว่าเป็นอันดับหนึ่งเลยด้วยซ้ำ)
แผนภูมิด้านล่างใช้ข้อมูลจากแนวโน้มการค้นหาบน Google ซึ่งแสดงให้เห็นว่า NordVPN ได้รับความสนใจทั่วโลกมากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับ VPN อันดับสอง:
แต่ความนิยมอย่างเดียวไม่พอจะการันตีคุณภาพเสมอไป 🤔
คำถามจริง ๆ ที่เราต้องตอบก็คือ:
ทำไมคนทั่วโลกถึงเลือก NordVPN กันเยอะขนาดนี้? มันดีจริง หรือแค่การตลาดเก่งล้ำ?
ในส่วนถัดไป เราจะพาไปดูว่า NordVPN มีอะไรพิเศษกว่าเจ้าอื่นไหม ทั้งในเรื่องความปลอดภัย ความเร็ว และความสามารถใช้งานในสถานการณ์จริง
ฟีเจอร์เด่นของ NordVPN
VPN ที่จริงจังใน 2025 ทุกเจ้ามักจะมีเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก ซ่อน IP ของคุณ และมีแอปหน้าตาดูดีน่าใช้ — แล้วคำถามที่ตามมาคือ:
“ทำไมถึงต้องเลือก NordVPN แทนเจ้าอื่นล่ะ?”
ปรากฏว่ามีเหตุผลดี ๆ หลายข้อเลยทีเดียว:
- เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ใหญ่ที่สุดในตลาด: NordVPN ให้คุณเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์กว่า 7,000 แห่ง ใน 118 ประเทศทั่วโลก — ช่วยให้การเชื่อมต่อเสถียรและไม่แออัด
พูดง่าย ๆ คือ ถ้าเซิร์ฟเวอร์หนึ่งเริ่มช้า ก็แค่สลับไปใช้เซิร์ฟเวอร์อื่นที่เร็วกว่าได้ทันที
Nord ใช้ เซิร์ฟเวอร์จริง ในประเทศใหญ่ ๆ ส่วนในประเทศที่เล็กกว่าหรือมีข้อจำกัด จะใช้ เซิร์ฟเวอร์เสมือน แทน — คุณยังคงได้ IP ของประเทศนั้นแม้ว่าเซิร์ฟเวอร์จะตั้งอยู่ที่อื่น
- โปรโตคอล NordLynx: ระบบ VPN ที่ Nord พัฒนาขึ้นเอง บนพื้นฐานของ WireGuard ที่เร็วกว่าและเสถียรกว่า OpenVPN แบบเก่า
NordVPN ไม่ได้แค่ใช้ WireGuard แล้วจบ — พวกเขาเอามาปรับปรุงให้เข้ากับโครงสร้างระบบของตัวเองเพื่อให้เร็วขึ้นกว่าเดิมแบบชัดเจน
ในบางกรณี ความเร็วเชื่อมต่อจะเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า เทียบกับโปรโตคอลเดิม ๆ
- นโยบายไม่เก็บล็อก + ผ่านการตรวจสอบ: NordVPN ไม่เก็บบันทึกใด ๆ เกี่ยวกับกิจกรรมของคุณ และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในปานามา (ประเทศที่ขึ้นชื่อด้านกฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัว) พร้อมการตรวจสอบโดย Deloitte ล่าสุดในปลายปี 2024
พูดง่าย ๆ คือ ต่อให้มีใครมายื่นหมายศาล ก็ ไม่มีข้อมูลอะไรให้ส่งมอบได้เลย
ใน 2025 NordVPN เริ่มเปลี่ยนจากการใช้ระบบ “warrant canary” แบบเดิม มาเป็นรายงานความโปร่งใสรุ่นใหม่ที่อัปเดตและชัดเจนยิ่งขึ้น
- Threat Protection Pro: ระบบความปลอดภัยเสริมที่จะบล็อกเว็บไซต์อันตราย สแกนแอปของคุณหาช่องโหว่ และซ่อนโฆษณาน่ารำคาญบนเว็บ
คิดซะว่าเป็นตัวกรองโฆษณา + แอนตี้มัลแวร์ + แอนติไวรัส ที่รวมไว้ใน VPN เดียวกัน — ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม และใช้งานได้ตั้งแต่แพ็กเกจ Plus
ขึ้นไป
- Meshnet: ฟีเจอร์ใหม่ในปี 2025 ที่ให้คุณ สร้างเครือข่ายปลอดภัย ระหว่างอุปกรณ์ได้สูงสุด 60 เครื่อง — เหมาะสำหรับรีโมตเข้าเครื่องตัวเอง หรือแชร์ไฟล์กับทีม/เพื่อนร่วมงาน
มันเหมือนกับ LAN ส่วนตัว ที่ปลอดภัยและเร็ว — แต่ใช้งานได้จากทุกที่ในโลก ไม่จำกัดตำแหน่ง ช่วยให้ทำงานระยะไกล สร้างเซิร์ฟเวอร์เล่นเกม หรือทำโปรเจกต์ลับ ๆ ได้สบาย
…ฟีเจอร์ดูดีไม่เบา แล้วในสถานการณ์จริง NordVPN จะทำผลงานได้ดีขนาดไหนกันล่ะ?
ประสิทธิภาพของ NordVPN: ความเร็วและการปลดบล็อก
นอกจากใช้ NordVPN มานานกว่า 5 ปี เราได้ทำการ ทดสอบเชิงเทคนิคหลายรอบ เพื่อวัดประสิทธิภาพในแง่มุมสำคัญต่าง ๆ:
⚡ ความเร็วในการดาวน์โหลด/อัปโหลด
🌎 ความสามารถในการปลดบล็อกเนื้อหาตามภูมิภาค
🥸 การหลบเลี่ยงการเซ็นเซอร์ของประเทศต่าง ๆ
เมื่อโฟกัสเฉพาะประสบการณ์จริงในการใช้งาน เช่น การสตรีม เล่นเกม และโหลดบิท – นี่คือสิ่งที่เราเจอ:
ความเร็วและคุณภาพการเชื่อมต่อ
อะไรคือปัจจัยที่คนเลือก VPN มากที่สุด?
มากกว่า 80% ของผู้ใช้งานบอกว่า ความเร็วและความเสถียร คืออันดับหนึ่ง (จากแบบสำรวจที่ Nord เองจัดขึ้นในปี 2020)
แต่ปัญหาคือ… ไม่มีวิธีวัดความเร็วที่ “แม่นเป๊ะ” สำหรับ VPN ได้แบบตายตัว
เพราะมีตัวแปรเยอะมาก ทั้งช่วงเวลาที่ทดสอบ เซิร์ฟเวอร์ที่เลือก หรือแม้แต่ความ “อารมณ์ดี” ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแต่ละเจ้า!
สรุปคือ การเทสต์ความเร็วแค่ครั้งเดียวมักไม่ช่วยอะไร 💩
…ดังนั้นเราจึงสรุปข้อมูลจาก 500+ ครั้งทดสอบ ตลอดหลายเดือน เพื่อสร้างตารางเปรียบเทียบนี้:
พารามิเตอร์ | ค่าเฉลี่ย NordVPN | ค่าเฉลี่ย VPN อื่น | ทำไมถึงสำคัญ |
---|---|---|---|
ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด (เฉลี่ยรายวัน) | 1300 Mb/s | 940 Mb/s | โหลดไว สตรีมลื่น |
ความเร็วอัปโหลดสูงสุด (เฉลี่ยรายวัน) | 1100 Mb/s | 720 Mb/s | ดีสำหรับแบ็กอัป วิดีโอคอล หรือ P2P |
ลดความเร็วเมื่อเปิด VPN (เซิร์ฟเวอร์ใกล้ที่สุด) | 11% | 17% | ช้าลงน้อย = ใช้งานประจำวันได้ดี |
ลดความเร็วเมื่อเปิด VPN (เซิร์ฟเวอร์ไกล) | 19% | 29% | สำคัญเวลาเข้าถึงเนื้อหาต่างประเทศ |
ค่า ping เฉลี่ย (เซิร์ฟเวอร์ใกล้) | 70ms | 120ms | ping ต่ำ = ตอบสนองไว โดยเฉพาะเล่นเกม |
💡 เคล็ดลับการใช้งาน NordVPN ให้เต็มประสิทธิภาพ:
-
หากคุณใช้โหลดบิท แนะนำให้เลือก “เซิร์ฟเวอร์เฉพาะ P2P” จากแท็บ Specialty servers:
-
หากอยากให้เชื่อมต่อเร็วและเสถียรที่สุด เข้าไปที่เมนู “Settings → Connection” แล้วเลือก “NordLynx” เป็นโปรโตคอลหลัก:
- ถ้าเจอปัญหากับเซิร์ฟเวอร์ไหน ลอง ตัดการเชื่อมต่อแล้วเชื่อมใหม่ – จากประสบการณ์ของเรา วิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาได้เกินคาด
สรุปสั้น ๆ:
ผลทดสอบของเราชี้ชัดว่า NordVPN ให้การเชื่อมต่อที่เสถียรและเร็วระดับหัวแถว — ใน 99% ของกรณี คุณแทบไม่รู้เลยว่าเปิด VPN อยู่
ต่อไป มาดูทักษะหลบนินจา 🥷 ของ Nord กัน:
ปลดล็อกเนื้อหาตามภูมิภาค
หนึ่งในเหตุผลยอดฮิตของคนใช้ VPN คืออะไร?
การเข้าถึงเนื้อหาจากต่างประเทศ เช่น Netflix, YouTube, BBC, อนิเมะจากญี่ปุ่น หรือกีฬาสดจากอเมริกา
คำถามคือ NordVPN ปลดบล็อกสตรีมมิ่งเหล่านี้ได้จริงไหม?
คำตอบสั้น ๆ คือ: ส่วนใหญ่แล้ว ได้ แต่อาจมีข้อจำกัดเล็กน้อยในบางกรณี:
- 🇺🇸 Netflix, YouTube, HBO Max, Hulu: ใช้งานได้เสถียรในแทบทุกเซิร์ฟเวอร์
- 🇯🇵 ญี่ปุ่น, 🇰🇷 เกาหลี, 🇬🇧 อังกฤษ: เข้าถึงเนื้อหาเฉพาะพื้นที่ได้ เช่น Netflix Anime หรือ BBC iPlayer
- 🇺🇸 Disney+, Amazon Prime: ใช้งานได้ แต่อาจได้เนื้อหาเวอร์ชันภาษาอังกฤษเป็นหลัก
นี่คือตารางสรุปผลการปลดบล็อกในแต่ละบริการ (เฉลี่ยจากหลายเดือน):
บริการสตรีม | เข้าถึงได้ไหม? | ผลการทดสอบ |
---|---|---|
Netflix | ได้ (15+ ประเทศ) | ดู HD/4K ได้ลื่น |
Prime Video | ได้ | สตรีมเสถียรทุกครั้ง |
Hulu | ได้ | ไม่มีแลค ไม่กระตุก |
HBO Max | ได้ | โหลดเร็ว ไม่มีดีเลย์ |
Disney+ | ได้ | มีหลายเวอร์ชันตามภูมิภาค |
BBC iPlayer | ได้ | เชื่อมต่อได้ทุกครั้ง |
YouTube TV | ได้ | เหมาะกับดูสด |
DAZN | ได้ (ผ่าน US) | สตรีมลื่น ไม่มีสะดุด |
บริการท้องถิ่น (ITVX, Channel 4 ฯลฯ) |
ได้ | โหลดไว ใช้งานง่าย |
💡 เคล็ดลับ: ถ้าเซิร์ฟเวอร์ไหนมีปัญหา ลองสลับไปใช้ตัวอื่นในประเทศเดียวกัน — Nord มีเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกเยอะมาก
หลบหลีกการเซ็นเซอร์ระดับประเทศ
แล้วถ้าคุณอยู่ในประเทศที่มีไฟร์วอลล์หนัก ๆ ล่ะ?
ณ 2025 NordVPN มี Obfuscated Servers ใน 17 ประเทศ ซึ่งออกแบบมาเพื่อหลบการบล็อก VPN ระดับรัฐ
เหมือนนินจาใส่สูท:
เมื่อเปิดใช้ เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะทำให้ทราฟฟิกของคุณ ดูเหมือนการใช้งานอินเทอร์เน็ตปกติ — จึงผ่านการบล็อกในประเทศอย่าง 🇨🇳 จีน, 🇷🇺 รัสเซีย, 🇹🇷 ตุรกี, และ 🇦🇪 UAE ได้
คำเตือน: อย่าลืมติดตั้งและตั้งค่าก่อนเดินทางไปประเทศเหล่านี้ — เพราะเว็บ VPN มักจะถูกบล็อกในพื้นที่ ทำให้ล็อกอินหรือโหลดแอปยากมากหลังจากเดินทางไปถึง
* * *
ตอนนี้เราดูทั้งฟีเจอร์ ความเร็ว ความปลอดภัย และการใช้งานจริงกันไปแล้ว ✅
…แต่ถ้าคุณคิดว่า NordVPN มีดีแค่นี้ — เดี๋ยวจะพลาดของเด็ดอีกเยอะ 😉
ไม่ใช่แค่ VPN: ระบบนิเวศผลิตภัณฑ์จาก Nord
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Nord Security ไม่ได้หยุดอยู่แค่ VPN — แต่พัฒนาเป็นชุดเครื่องมือ เพื่อความเป็นส่วนตัวโดยเฉพาะ ที่รวมถึงผู้จัดการรหัสผ่าน พื้นที่เก็บไฟล์แบบเข้ารหัส และบริการลบข้อมูลส่วนตัวจากอินเทอร์เน็ต
ส่วนที่ดีคือ บริการเหล่านี้ส่วนใหญ่ ถูกรวมอยู่ในแพ็กเกจ NordVPN แล้วเรียบร้อย
ดังนั้นถ้าอยากเข้าใจ ราคาและความคุ้มค่า ของ NordVPN อย่างแท้จริง เราต้องมองให้ครบทั้งเซ็ต:
NordPass – ผู้จัดการรหัสผ่าน
🗝️ ขณะที่ NordVPN ช่วยป้องกันการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณ NordPass ก็ช่วยดูแล “กุญแจดิจิทัล” ของคุณ — หรือก็คือรหัสผ่านทั้งหมด
สร้างโดยทีมเดียวกับ NordVPN จุดเด่นของ NordPass มีดังนี้:
- เข้ารหัสแบบ end-to-end: รหัสผ่านของคุณจะถูกเข้ารหัสตั้งแต่ในเครื่อง ก่อนจะส่งขึ้นเซิร์ฟเวอร์ หมายความว่าแม้แต่ทีมงาน Nord เองก็ไม่สามารถเห็นข้อมูลได้เลย (เรียกว่าระบบ zero-knowledge)
- ตรวจสอบความแข็งแรงของรหัส: ระบบจะแจ้งเตือนรหัสที่อ่อน ซ้ำ หรือเก่า เพื่อให้คุณแก้ไขได้ทัน
- แชร์รหัสอย่างปลอดภัย + เข้าถึงฉุกเฉิน: ไม่ต้องส่งรหัสผ่านทางอีเมล หรือ (แย่กว่านั้น) แปะโน้ตไว้ใต้จออีกต่อไป
พูดง่าย ๆ ถ้าคุณใช้ NordVPN อยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องสมัคร 1Password หรือ LastPass แยก — เพราะแพ็กเกจที่สูงกว่า Basic
จะมี NordPass มาให้ฟรี
ถ้าคุณไว้ใจ NordVPN ให้ปกป้องทราฟฟิกอินเทอร์เน็ตของคุณ ก็ไม่น่าแปลกใจที่จะให้ NordPass จัดการรหัสผ่านด้วยเหมือนกัน
NordLocker – ที่เก็บไฟล์แบบเข้ารหัส
🗄️ ต้องการ Dropbox เวอร์ชันที่ปลอดภัยกว่าสำหรับไฟล์สำคัญของคุณใช่ไหม? ต้องลอง NordLocker
นี่คือพื้นที่จัดเก็บไฟล์แบบ เข้ารหัสทั้งฝั่งผู้ใช้และฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ใช้ได้ทั้งแบบออฟไลน์และคลาวด์ เหมาะกับไฟล์สำคัญ เอกสาร รูปภาพ หรือข้อมูลลูกค้า
จุดเด่น:
- ใช้งานง่ายแบบลากแล้ววาง: แค่ลากไฟล์ลงไปก็เข้ารหัสอัตโนมัติ
- ซิงก์ข้ามอุปกรณ์: อัปโหลดไฟล์เข้าคลาวด์แล้วเข้าถึงได้จากทุกที่
- ไม่มีการจำกัดขนาดไฟล์: ต่างจากคลาวด์ทั่วไป คุณสามารถเก็บไฟล์ขนาดใหญ่ได้แบบไม่จำกัด
และแน่นอน — แม้แต่ทีมงาน Nord เองก็ไม่สามารถดูว่าใน locker ของคุณมีอะไร นั่นแหละคือประเด็นหลักของบริการนี้
Incogni – บริการลบข้อมูลส่วนตัวจากเว็บ
🕵️♀️ เคยสงสัยไหมว่าเบอร์โทรหรือที่อยู่ของคุณไปโผล่ในเว็บประหลาด ๆ ได้ยังไง? แนะนำ Incogni — บริการลบข้อมูลส่วนตัวแบบอัตโนมัติจากบริษัทลูกทีมของ Nord
Incogni ช่วยคุณ ลบข้อมูลส่วนบุคคลของคุณจากบริษัทดาต้าโบรคเกอร์ — พวกบริษัทที่ซื้อ-ขาย-แชร์ข้อมูลของคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว
Incogni จะยื่นคำร้องตามกฎหมาย GDPR / CCPA แทนคุณ และติดตามผลจนกว่าบริษัทจะลบข้อมูลให้จริง
จุดเด่น:
- อัตโนมัติ 100%: ไม่ต้องกรอกฟอร์มให้วุ่น — ระบบจัดการให้หมด
- ติดตามอย่างต่อเนื่อง: มีข้อมูลใหม่โผล่เมื่อไหร่ ก็ยื่นลบใหม่ให้อัตโนมัติ
- แดชบอร์ดโปร่งใส: เห็นได้ว่าข้อมูลของคุณอยู่กับใครบ้าง และถูกลบเมื่อไหร่
เหมาะสำหรับคนที่ใส่ใจเรื่อง ความเป็นส่วนตัวดิจิทัล หรือแค่ไม่อยากให้ใครรู้เบอร์มือถือและที่อยู่ของคุณ 👀
…และถ้าคุณอยู่ในยุโรป — บริการนี้จะรวมอยู่ในแพ็กเกจ Ultra
ของ NordVPN โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มด้วยนะ
สรุปรวม ๆ ระบบนิเวศของ Nord เหมือนกับการป้องกันหลายชั้นของชีวิตดิจิทัล:
├── NordVPN: เข้ารหัส การเชื่อมต่อ ├── NordPass: ดูแล รหัสผ่าน ├── NordLocker: ปกป้อง ไฟล์สำคัญ └── Incogni: ลบ ข้อมูลส่วนตัวจากอินเทอร์เน็ต
บริการทั้งหมดนี้สามารถซื้อแยกได้ — แต่ Nord ก็มีแพ็กเกจ รวมทุกอย่าง เช่นแผน Complete
(ดูใน ส่วนราคา) ซึ่งมักจะให้ส่วนลดดีกว่าจ่ายแยกรายตัว
ถ้าคุณใช้ VPN เพราะแคร์ความเป็นส่วนตัว — ก็น่าจะดูแลส่วนอื่นของชีวิตดิจิทัลไปพร้อมกันด้วยเลย
เอาล่ะ ได้เวลาไปดูว่าแต่ละแพ็กเกจมีอะไรให้บ้าง!
ราคาแพ็กเกจของ NordVPN และนโยบายคืนเงิน
ในประเทศไทย 🇹🇭 NordVPN มีให้เลือกหลายแพ็กเกจ ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการ ของแถมเสริม แค่ไหนนอกเหนือจากตัว VPN หลัก:
Basic
คือแพ็กเกจพื้นฐานที่ให้แค่ VPN อย่างเดียว — ซึ่งก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปของคนส่วนใหญ่Plus
เพิ่มฟีเจอร์สแกนมัลแวร์ ตัวบล็อกโฆษณา และ NordPass ผู้จัดการรหัสผ่าน เพื่อปกป้องครบทุกมิติComplete
จะเพิ่มพื้นที่จัดเก็บไฟล์เข้ารหัส 1 TB ผ่าน NordLocker — เหมาะกับคนที่จริงจังเรื่องความเป็นส่วนตัวหรือทีมงานที่ต้องเก็บไฟล์จำนวนมากอย่างปลอดภัย
ในบางประเทศยังมีแผนขั้นสุดที่เรียกว่า Prime
(ในสหรัฐฯ 🇺🇸), Ultimate
(ในสหราชอาณาจักร 🇬🇧), หรือ Ultra
(ในสหภาพยุโรป 🇪🇺)
แพ็กเกจนี้ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานขั้นสูง โดยเพิ่มบริการด้านความปลอดภัยระดับสูง เช่น Incogni (ลบข้อมูลจากเว็บสำหรับผู้ใช้ยุโรป), NordProtect (ป้องกันการขโมยข้อมูลตัวตนในสหรัฐฯ), และแม้กระทั่งประกันภัยไซเบอร์ (สหรัฐฯ/สหราชอาณาจักร)
…เมื่อดูจาก จำนวนเหยื่อไซเบอร์อาชญากรรมที่เพิ่มขึ้นทุกปี — แพ็กเกจนี้อาจดู “ขั้นสุด” แต่จริง ๆ แล้วค่อนข้างคุ้มค่าใน 2025
แต่สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป แพ็กเกจ Basic
ก็เพียงพอแล้วสำหรับท่องเว็บ เล่นเกม หรือดูสตรีมอย่างปลอดภัย
ทุกแพ็กเกจมีให้เลือกแบบ รายเดือน รายปี และราย 2 ปี
ถ้าเทียบราคาต่อเดือนแบบตรง ๆ ตัวเลือกที่ ถูกที่สุด ก็คือแผน 2 ปี ที่ลดราคากว่า 70% เทียบกับแบบรายเดือน (ดู ส่วนคูปองด้านล่าง สำหรับวิธีประหยัดเพิ่ม)
เหมือนกับ VPN เจ้าอื่น แพ็กเกจแบบรายเดือนจะมีราคาสูงมาก (สูงกว่าแบบอื่น 3-4 เท่า!) — จึงไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อมี รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน สำหรับทุกแพ็กเกจ
…พูดถึงเรื่องนั้นพอดี:
NordVPN มีนโยบายคืนเงินแบบ มาตรฐาน ใช้งานง่าย — เพียงยกเลิกบัญชีภายใน 30 วันแรกของการสมัคร ใหม่ คุณก็สามารถรับเงินคืนได้ 💸
สองสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการคืนเงินของ Nord:
- คำว่า “ใหม่” สำคัญมาก! เฉพาะบัญชีที่สร้างขึ้นภายใน 30 วันที่ผ่านมา เท่านั้น ที่มีสิทธิขอคืนเงินแบบเต็มจำนวน
- หากคุณสมัครผ่านแอป iOS คุณจะต้องขอเงินคืนโดยตรงกับ App Store ของ Apple เท่านั้น
หากบัญชีของคุณเก่าเกิน 30 วัน — คุณยังสามารถ ยกเลิกได้ทุกเมื่อ แต่จะไม่ได้รับเงินคืนสำหรับระยะเวลาที่เหลือ
โบนัสพิเศษ: รหัสคูปอง NordVPN
ถ้าคุณตัดสินใจจะลองใช้ NordVPN นี่คือวิธีรับ ส่วนลดลับ สำหรับแพ็กเกจราย 2 ปี:
- คลิกลิงก์ด้านล่าง เพื่อเปิดหน้าราคาของแพ็กเกจ 2 ปีบนเว็บไซต์ทางการของ NordVPN:
- เลือกแพ็กเกจที่เหมาะกับคุณ แล้วไปที่หน้าชำระเงิน
-
ที่หน้าชำระเงิน ให้คลิกไอคอน “x” เพื่อลบคูปองที่ระบบใส่ให้อัตโนมัติ:
-
จากนั้น ให้วางรหัสด้านล่างนี้ในช่องกรอกรหัสคูปอง เพื่อรับ ส่วนลดเพิ่มเติม สำหรับแพ็กเกจ 2 ปีของคุณ:
CNN
เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้รับดีลที่ดีกว่าสำหรับ NordVPN พร้อมการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน! ดำเนินการชำระเงินได้เลย แล้วระบบจะใช้ราคาพิเศษให้อัตโนมัติ
* * *
ก่อนจะไปต่อ ขอบอกไว้สั้น ๆ ว่า Nord ยังมีข้อเสนอสำหรับผู้ใช้งานเชิงธุรกิจด้วย (แต่ถ้าไม่ใช่แนวของคุณ ก็ ข้ามไปยังส่วนถัดไป ได้เลยนะ)
NordLayer: VPN สำหรับธุรกิจโดยเฉพาะ
แม้ว่า NordVPN จะออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและครอบครัว NordLayer คือคำตอบของ Nord Security สำหรับธุรกิจที่ต้องการความปลอดภัยระดับองค์กร
ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับทีมงาน พนักงานระยะไกล และบริษัทข้ามชาติ — NordLayer ผสมผสานความใช้ง่ายแบบเดียวกับ NordVPN กับ ความสามารถในการขยายระบบ และ การควบคุมระดับแอดมิน ที่ธุรกิจต้องการ
ทำไมธุรกิจถึงควรใช้ VPN ตั้งแต่แรก?
ลองดูกราฟสถิติอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ ถูกรายงานกับ FBI ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา:
ถ้าบริษัทของคุณมีพนักงานทำงานจากที่บ้าน ใช้เครื่องของตัวเอง หรือมีฟรีแลนซ์จากต่างประเทศ — NordLayer อาจช่วยทีม IT ของคุณลดความวุ่นวายได้มาก:
- ติดตั้งใน 10 นาที: แม้ในความเป็นจริงอาจใช้เวลาราว 30 นาที แต่ก็ยังง่ายมากเมื่อเทียบกับโซลูชันองค์กรทั่วไป
- IP และเกตเวย์แบบเฉพาะทีม: แต่ละทีมสามารถใช้ IP และเครือข่ายส่วนตัวของตัวเองได้ โดยไม่ต้องปะปนกับโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะของ NordVPN
- จัดการผู้ใช้จากศูนย์กลาง: เพิ่ม ลบ หรือจัดการสิทธิ์ผู้ใช้ผ่านแดชบอร์ดเดียว
- รองรับ SSO และ 2FA: เชื่อมต่อกับ Google Workspace, Azure AD, Okta, JumpCloud และอื่น ๆ
- แบ่งสิทธิ์การเข้าถึง: กำหนดได้ว่าใครเข้าถึงข้อมูลหรือระบบใดได้บ้าง
- รองรับทุกแพลตฟอร์ม: ใช้ได้กับ Windows, macOS, Linux, iOS, Android — ครอบคลุมหมด
NordLayer ไม่ได้พยายามแข่งกับ Zscaler หรือ Cisco — แต่เป็นโซลูชัน VPN / ZTNA ที่ 💡 เข้าถึงง่าย ⚡ ติดตั้งเร็ว และ 🤷 เพียงพอสำหรับองค์กรขนาดเล็กถึงกลางกว่า 90% ที่อยากได้ความปลอดภัยแบบไม่ต้องจ้างทีม IT เต็มรูปแบบ
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ:
- สตาร์ทอัปหรือธุรกิจขนาดเล็ก ที่ต้องการระบบรักษาความปลอดภัยระดับองค์กรแบบไม่ซับซ้อน
- เอเจนซีและบริษัทที่ปรึกษา ที่ต้องดูแลข้อมูลลูกค้าจากหลายเครือข่าย
- ทีมที่กำลังเติบโต ที่ต้องขยายการเข้าถึงระบบให้ปลอดภัย โดยไม่ต้องปวดหัวกับ config ไฟล์หรือบัญชีผู้ใช้เยอะเกินไป
ราคาออกแบบมาสำหรับ ทีมขนาดเล็ก โดยมีแผนเริ่มต้น 5 ผู้ใช้ขึ้นไป และมีแผน Enterprise
สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการดีลแบบกำหนดเอง:
แพ็กเกจ | ฟีเจอร์หลัก | เหมาะกับใคร |
---|---|---|
Lite |
ใช้เกตเวย์ร่วมกัน, ผู้ใช้พื้นฐาน, ระบบเรียกเก็บเงินรวม | ทีมเล็กหรือฟรีแลนซ์ที่ต้องการ VPN พร้อมใช้ทันที |
Core |
รวมทุกอย่างใน Lite + เกตเวย์ส่วนตัว, IP เฉพาะ, ระบบจัดการทีม |
ธุรกิจขนาดเล็กถึงกลางที่มีทีมงานทำงานจากระยะไกล |
Premium |
รวมทุกอย่างใน Core + Smart Remote Access (ไม่ต้องลง client), ยืนยันตัวตนด้วยไบโอเมตริกซ์, การเชื่อมต่อแบบ site-to-site, การสนับสนุนด่วน |
ทีมที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว หรือให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นพิเศษ |
สรุป: ถ้าธุรกิจของคุณมีข้อมูลสำคัญหรือใช้ระบบทำงานจากระยะไกล — NordLayer เป็นตัวเลือกที่ติดตั้งง่าย ใช้งานได้จริง และไม่ต้องพึ่งทีม IT เต็มเวลาเพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัย
ข้อดี-ข้อเสียของ NordVPN
ก่อนที่เราจะไปสู่บทสรุปสุดท้าย มาสรุปกันก่อนว่า NordVPN มีจุดแข็งและจุดอ่อนอะไรบ้าง:
- ด้วยจำนวนเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 7000 แห่งทั่วโลก (และทั้งหมดเป็นเซิร์ฟเวอร์จริง ไม่ใช่เสมือน) Nord ถือได้ว่าเป็น VPN ที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุด ในตลาดตอนนี้
- เทคโนโลยี NordLynx ที่พัฒนาขึ้นเองบนพื้นฐานของ WireGuard ทำให้การเชื่อมต่อมีเสถียรภาพและ ความเร็วสูง ไม่ว่าคุณจะเลือกเชื่อมต่อจากที่ใด
- NordVPN จริงจังเรื่องความเป็นส่วนตัว: ด้วย นโยบายไม่เก็บบันทึกข้อมูล อย่างเคร่งครัด และการจดทะเบียนบริษัทในประเทศ ปานามา ที่เป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัว ทำให้คุณหลุดพ้นจากสายตาอันอยากรู้อยากเห็นของแฮกเกอร์และรัฐบาลทั่วโลก
- เซิร์ฟเวอร์พิเศษ สำหรับการหลบเลี่ยงการเซ็นเซอร์ การดาวน์โหลด P2P (ทอร์เรนต์) และการสตรีมวิดีโอ ช่วยให้คุณเลือกใช้งานได้ตามสถานการณ์จริง
- การรับประกันคืนเงิน 30 วัน ทำให้คุณสามารถขอคืนเงินเต็มจำนวนได้หากไม่พอใจ — ขั้นตอนขอคืนก็ง่ายมาก เพียงแค่แชทกับฝ่ายสนับสนุน
- มีตัวเลือกแพ็กเกจหลายแบบ ที่ คุ้มค่าคุ้มราคา โดยเฉพาะหากสมัครราย 2 ปี ที่ลดราคาเยอะมาก พร้อมทั้งตัวเลือกสำหรับ 1 เดือนและ 1 ปี
- มีระบบบริการเสริมที่ ครอบคลุมความเป็นส่วนตัว เช่น ตัวจัดการรหัสผ่าน (NordPass), ที่เก็บไฟล์เข้ารหัส (NordLocker), และการลบข้อมูลจากเว็บ (Incogni) — ซึ่งรวมอยู่ในแพ็กเกจระดับสูง
- มี โซลูชันสำหรับธุรกิจ ผ่าน NordLayer ซึ่งช่วยให้ทีมขนาดเล็กใช้งานความปลอดภัยระดับองค์กรได้ในเวลาไม่ถึง 10 นาที — ราคาก็เป็นมิตรกับ SME มาก
- ยังทำงานได้ไม่เสถียรนักในประเทศจีน — ถ้าจะใช้ NordVPN เพื่อทะลุกำแพง Great Firewall อาจต้องตั้งค่าล่วงหน้า และติดตั้งแอปให้เสร็จก่อนเดินทาง ทีมซัพพอร์ตช่วยได้ไว แต่อาจต้องเตรียมตัวไว้
- หากซื้อผ่านแอป iOS การ ขอคืนเงินต้องทำผ่าน App Store โดยตรง ซึ่งอาจไม่ชัดเจนสำหรับผู้ใช้มือใหม่
ตอนนี้เราได้วิเคราะห์ทุกแง่มุมที่สำคัญของ NordVPN กันครบแล้ว — ไปดูบทสรุปสุดท้ายกันเลย!
บทสรุป: ควรใช้ NordVPN หรือเปล่า?
👀 อยากมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น?
🔒 อยากท่องเว็บแบบปลอดภัย?
🚫 เบื่อข้อจำกัดการเข้าถึงเนื้อหา?
NordVPN สร้าง “จักรวรรดิแห่งความเป็นส่วนตัว” ขึ้นมาบนคำสัญญานี้ — และที่น่าประทับใจกว่าคือ พวกเขา ทำได้จริง ไม่เหมือนบางบริษัทเทคฯ เจ้าใหญ่ ๆ
นี่คือบทสรุปจากประสบการณ์ตรง ข้อมูลจากการทดสอบ และการรีวิวเชิงลึก:
ถ้าคุณกำลังมองหา VPN ที่เชื่อมต่อเร็วมาก ปลอดภัยจริง และมีเครื่องมือเสริมที่คุณ จะได้ใช้จริง (ตัวจัดการรหัสผ่าน ตัวบล็อกภัยคุกคาม การเข้ารหัสไฟล์) — NordVPN ไม่ใช่แค่ ตัวเลือกที่ดี แต่น่าจะเป็น ทางเลือกที่ฉลาดที่สุด ด้วยซ้ำ
- มากกว่า 7,000 เซิร์ฟเวอร์ + โปรโตคอล NordLynx: ความเร็วระดับแนวหน้า เชื่อมต่อไม่สะดุด
- ไม่เก็บล็อก, ผ่านการตรวจสอบ, จดทะเบียนในปานามา: ข้อมูลของคุณจะปลอดภัยและไม่ถูกบันทึก
- ฟีเจอร์ระดับโปร: Meshnet, Obfuscated Servers, Threat Protection Pro… nerd สายลึกต้องรัก
- แพ็กเกจรวมสุดคุ้ม: มี NordPass และ NordLocker รวมอยู่ด้วย — ไม่ต้องจ่ายเพิ่มแยกหลายแอป
- รับประกันคืนเงิน 30 วัน: ทดลองใช้งานได้แบบไม่เสี่ยง ถ้าไม่ชอบก็ขอคืนได้
และถ้าคุณอยู่ในทีมที่กำลังเติบโต หรือทำงานแบบมืออาชีพ — Nord ก็มีแพ็กเกจสำหรับธุรกิจโดยเฉพาะด้วย (ดู NordLayer)
สรุปสุดท้าย?
NordVPN ไม่ได้เป็นแค่ VPN ธรรมดา แต่เป็นเหมือน เครื่องมือความเป็นส่วนตัวแบบครบเซต สำหรับชีวิตออนไลน์ของคุณ
(หากคุณอยากลองใช้ NordVPN อย่าลืมดู คูปองส่วนลด เพื่อรับสิทธิ์ใช้งานฟรีเพิ่ม 4 เดือนด้วยนะ)
ทดลองใช้ NordVPN แบบไม่มีความเสี่ยง ›
มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NordVPN ไหม? หรือเคยใช้มาก่อนแล้วอยากแชร์ประสบการณ์?
เลื่อนลงไปที่ ส่วนแสดงความคิดเห็น แล้วมาคุยกันได้เลย — เราอยากฟังจากคุณ!
***
หมายเหตุ: บางลิงก์ในรีวิวนี้เป็นลิงก์แนะนำ (affiliate) ซึ่งหากคุณซื้อผ่านลิงก์เหล่านี้ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชันเล็กน้อย โดยไม่เพิ่มค่าใช้จ่ายใด ๆ กับคุณ — และช่วยให้เว็บนี้ยังคงฟรีจากโฆษณาและทำงานได้อย่างอิสระ 🚀