เรารู้เรื่องนี้ดี: คุณอยากมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง แต่บริการโฮสติงมีให้เลือกเยอะมากกก เยอะจนรู้สึกว่าเลือกไม่ได้แน่ๆ: เลือกอันไหนดี?!
ถ้าคุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่ คุณคงเคยได้ยินชื่อ Hostinger ละ บริษัทนี้ให้บริการโดเมนและเว็บโฮสติงในราคาต่ำกว่าคู่แข่งเกือบทั้งหมด ในการรีวิวโดยละเอียดนี้ เราจะเพ่งดูบริการของ Hostinger ด้วยแว่นขยาย และตอบคำถามต่อไปนี้
- คุณควรเลือกใช้บริการของ Hostinger แทนของบริษัทคู่แข่งอื่นไหม?
- บริการโฮสติงชุดไหนดีที่สุดสำหรับคุณ?
- แล้วบริการสร้างเว็บไซต์ของเค้าล่ะ – เสียเวลาลองดีไหม?
- บริการของ Hostinger ลดราคาได้อีกไหม?
ก่อนอื่น เราจะกล่าวถึงภูมิหลังและความเป็นมาของบริษัท เพื่อดูว่า เราไว้ใจได้ไหม ต่อจากนั้นค่อยว่ากันต่อในรายละเอียดการบริการ และสุดท้ายจะตัดสิน และตอบคำถามแต่ละข้อที่กล่าวข้างต้น
อ้อ ใช่ และตอนท้ายของรีวิวนี้ เราจะแจ้ง รหัสส่วนลดพิเศษ ให้คุณประหยัดอีก 15% รับส่วนลดเพิ่มเมื่อสั่งซื้อบริการของ Hostinger ในราคาพิเศษที่จากเว็บไซต์ของบริษัท เยี่ยม!
บริการเว็บโฮสติง – เลือกยังไงดี?
ใช้บริการ Hostinger: ความเห็นของเรา
การบริการลูกค้าของ Hostinger
ข้อดี ข้อด้อย ของ Hostinger
โบนัส: รหัสส่วนลด
คำตัดสินของเรา และรีวิวจากผู้ใช้งาน
ว่าด้วยเรื่องของ Hostinger
เพื่อช่วยให้คุณนึกภาพออกว่า Hostinger เป็นบริษัทฯใหญ่แค่ไหน: ตอนนี้เค้ามี ลูกค้าเกือบ 30 ล้านราย ไม่เพียงแต่ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร อินเดีย และอินโดนีเซียเท่านั้น แต่ลูกค้าของเค้ามาจาก 170+ ประเทศ (นั่นคือเกือบทุกประเทศทั่วโลก!)
ละยังไม่มีแววว่าจะชะลอตัวเลย – ตามข้อมูลของเค้า Hostinger ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราลูกค้าใหม่ 1 ราย ในทุก 5 วินา¬¬ที
ไงก็เถอะ อย่างที่คุณอาจจะคาดไว้ละ Hostinger ไม่ได้เป็นบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้แต่แรก ก่อตั้งเมื่อปี 2004 ให้บริการในนาม “โฮสติงมีเดีย” เล็กๆ แต่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศลิทัวเนีย ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหภาพยุโรป
ผู้ก่อตั้ง Hostinger ไม่ได้ตั้งใจจะทำตามคนอื่นและตั้งบริษัทเพื่อให้บริการโฮสติงเท่านั้น – บริษัทใหม่นี้มีพื้นฐานคือความคิดเชิงนวัตกรรม
ผู้คนไม่ต้องการจ่ายค่าโฆษณา – จ่ายแค่บริการโฮสติง: ง่าย ไว้ใจได้ และราคาถูกที่สุด
หลายปีผ่านไป หลักการนี้ยังคงเป็นแก่นความตั้งใจของ Hostinger คือ ให้บริการคุณภาพสูง ในราคาเกือบเป็นศูนย์
แล้ว Hostinger มีความสามารถในการแข่งขันสูงได้อย่างไร – คุณอาจจะถาม – พูดอีกอย่างนึงก็คือ บริษัทนี้กำหนดราคาต่ำได้อย่างไร เมื่อให้บริการคุณภาพสูง? เดี๋ยวเราจะอธิบายให้ฟังนะ – แต่ก่อนอื่น มาดูตัวผลิตภัณฑ์กันก่อน
แพ็คเกจโฮสติงชุดไหนใช่สำหรับคุณ?
บริการโฮสติงมีหลายประเภทบนเว็บไซต์ของ Hostinger แต่ละประเภทมีราคาแตกต่างกัน เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว เพราะแต่ละชุด มีบริการเสริม และฟีจเจอร์ฟรี แล้วแต่ว่าจะเลือกแพ็คเกจไหน
มาลุยกันสักตั้งนะ ทำความเข้าใจองค์ประกอบสำคัญของเว็บโฮสติงกัน – วิธีการนี้จะช่วยให้เราคัดตัวเลือกให้น้อยลงหน่อย และสรุปได้ในที่สุดว่าเลือกอันไหนดี
เราจะวิเคราะห์แพ็คเกจแต่ละชุดของ Hostinger แต่ก่อนอื่น ดูตารางด้านล่างนี้นิดนึง ตารางนี้สรุปข้อแตกต่างที่สำคัญของบริการโฮสติงแต่ละชุด และแสดงตัวอย่างการใช้งานโดยทั่วไป –
โฮสติงรวม | โฮสติงธุรกิจ | โฮสติง VPS | |
---|---|---|---|
ความง่ายในการใช้งาน | ง่าย | ง่าย/ปานกลาง | ปานกลาง/ยาก |
สำหรับใคร | บุคคลทั่วไป/ธุรกิจขนาดเล็ก | ธุรกิจขนานกลางและขนาดใหญ่ | นักพัฒนาและโปรแกรมเมอร์ |
ระดับการควบคุม | ฟีจเจอร์มาตรฐาน | ฟีจเจอร์ควบคุมเพิ่ม | ควบคุมได้ทั้งหมด |
ประสิทธิภาพ | พอสำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็ก และขนาดกลาง | ประสิทธิภาพสูงสำหรับเว็บไซต์ขนาดใหญ่และโปรเจคออนไลน์ | ระดับกลางถึงสูงขึ้นอยู่กับแพ็คเกจที่เลือก |
พื้นที่ในการเติบโต | ไม่ยืดหยุ่น – จำเป็นต้องอัพเกรดเป็นแพ็คเกจอื่น | มีความยืดหยุ่น – เพิ่มทรัพยากร “ได้เรื่อยๆ” | ยืดหยุ่นมาก – ควบคุมทรัพยากรได้ทั้งหมด |
ระดับราคา | ถูก | ปานกลาง | ยืดหยุ่นได้ |
เราว่าแค่ดูตารางนี้ก็เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วนะว่า ประเภทของโฮสติงจำหน่ายโดย Hostinger ต่างกันอย่างไรบ้าง แต่เราจะกล่าวถึงข้อมูลในรายละเอียดอีกหน่อย ดังนี้
แต่ก่อนจะดูรายละเอียดได้ เราต้องทำความเข้าใจแนวคิดหลักอย่างนึงก่อน เซิร์ฟเวอร์ พูดง่ายๆคือ คอมพิวเตอร์เครื่องพิเศษซึ่งเก็บข้อมูลเว็บไซต์ และแสดงข้อมูลนั้นให้กับผู้เยี่ยมเยือนออนไลน์ของคุณ
บริการโฮสติงไหนก็คือเซิร์ฟเวอร์ชุดหนึ่ง คอมพิวเตอร์เครื่องแรง ตั้งค่าให้ออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน และแสดงเว็บไซต์ของคุณให้ใครก็ตามที่พิมพ์ที่อยู่เว็บของคุณบนเบราวเซอร์
ดังนั้น เซิร์ฟเวอร์จึงเป็นองค์ประกอบหลักของบริการโฮสติงทุกที่ และสามารถใช้งานได้แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าและงบประมาณ ส่วนนี่แหละที่เราต้องดูการบริการทั้งสามประเภท –
-
โฮสติงรวม (shared hosting) คือ เวอร์ชันพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้นหรือต้องการทดสอบโครงการออนไลน์ด้วยงบประมาณเพียงเล็กน้อย บริการนี้เรียกว่า “รวม” เพราะเซิร์ฟเวอร์แต่ละเครื่องเก็บข้อมูลของเว็บไซต์เป็นร้อยเป็นพันของลูกค้าจำนวนมาก
ส่วนนี้หมายถึง ทรัพยากรของเซิร์ฟเวอร์หนึ่งใช้งานพร้อมกันโดยเว็บไซต์หลายแห่ง – ซึ่งไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหรับเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้งานไม่มาก แต่มีผลกระทบมากต่อเว็บไซต์ขนาดใหญ่
ในทางตรงข้าม บริการโฮสติงรวมนี้ราคาถูกมาก และใช้งานง่ายมาก จึงเหมาะที่สุดเลยสำหรับบุคคลทั่วไปและธุรกิจขนาดเล็กผู้เพิ่งเริ่มเข้าสู่โลกออนไลน์
-
โฮสติงธุรกิจ (business hosting) ประเภทนี้ก้าวหน้ากว่า เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดใหญ่ขึ้น และคาดว่าจะมีผู้ใช้งานระดับปานกลางหรือสูงทุกวัน (จำนวนผู้ใช้งานต่อวันหลายพันคนหรือมากกว่า)
Hostinger สำหรับธุรกิจใช้เทคโนโลยีเคลาวด์ (cloud technologies) – ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ของคุณไม่ขึ้นอยู่กับเซิร์ฟเวอร์เครื่องใดโดยเฉพาะ แต่กระจายอยู่บนคอมพิวเตอร์หลายเครื่องซึ่งรับประกันความเสถียรและมีความยืดหยุ่นมากกว่า
นี่หมายถึง ทรัพยากรโอสติงของคุณแยกจากเว็บไซต์อื่น ประสิทธิภาพโดยรวมจึงดีกว่า เมื่อเทียบกับโฮสติงรวม
ข้อดีเหล่านี้มีราคา แน่ล่ะ – โฮสติงสำหรับธุรกิจราคาสูงกว่าทีเดียว โดยแพ็จเกจต่ำสุด “เริ่มต้น” (Startup) ที่ ฿521 ต่อเดือน คิดเป็นสองเท่าของโฮสติงรวมราคาสูงสุด (“ธุรกิจ” ราคา ฿101 ต่อเดือน) อืมม์ ชื่อแพ็จเกจนี้งงๆนะเราว่า – แต่ก็เถอะ ตอนนี้เรารู้ละว่าอะไรคืออะไร :)
-
โฮสติง VPS เป็นบริการที่ยืดหยุ่นที่สุด และใช้งานยุ่งยากที่สุด ที่ให้บริการโดย Hostinger VPS ย่อมาจากคำว่า “Virtual Private Server” แปลว่า เซิร์ฟเวอร์เสมือน บริการนี้เซิร์ฟเวอร์แต่ละเครื่องประมวลผลให้กับแต่ละเว็บไซต์หลายแห่งโดยไม่เกี่ยวข้องกันเลย ลักษณะเหมือนคุณมีเซิร์ฟเวอร์เป็นของตัวเอง แต่เป็นเครื่อง “เสมือนจริง”
การตั้งค่าแบบนี้ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงสุด – คุณสามารถทำอะไรก็ได้ตามชอบใจกับเซิร์ฟเวอร์เสมือนนี้ เพราะคุณมีอำนาจควบคุมระดับแอดมินทุกจุดในระบบนี้
ระบบนี้อาจจะฟังดูน่าสนุก จนคุณพบว่าคุณจะไม่มีแผงควบคุมสำหรับแพ็คเกจ VPS พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ คุณจะตั้งค่าอะไรก็ได้สำหรับทุกส่วนของเซิร์ฟเวอร์เสมือนของคุณ
เพราะเหตุนี้ โฮสติงประเภทนี้จึงมีประโยชน์มากสำหรับผู้เชี่ยวชาญที่สามารถจัดการทุกอย่างได้เอง (เช่น โปรแกรมเมอร์ และนักพัฒนาเว็บไซต์) และเกือบจะไร้ประโยชน์สำหรับคนอื่น
เนื่องจากโฮสติงแต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะแตกต่างกัน เราแนะนำได้เลยว่า คุณควรเลือกประเภทรวม ทำไม? เพราะถ้าคุณเป็นตัวแทนธุรกิจขนาดใหญ่ หรือบริษัทพัฒนาเว็บไซต์ คุณคงรู้ทุกออย่างที่เรากล่าวถึงข้างต้นแล้ว
อย่างไรก็เถอะ ลองสรุปกันก่อนว่าคุณต้องการแค่โฮสติงพื้นฐาน – และมาดูกันว่าหนึ่งในสามแพ็คเกจรวมของ Hostinger อันไหนที่เป็นตัวเลือกเหมาะสมที่สุด
บนหน้า โฮสติงรวมของ Hostinger คุณจะเห็นว่ามี 3 แบบ ประกอบด้วย แพ็คเกจเดี่ยว ค่าบริการเดือนละ $0.88 แพ็คเกจพรีเมียม เดือนละ $3.49 และแพ็คเกจธุรกิจ เดือนละ $7.95 ที่สำคัญคือคุณต้องเข้าใจด้วยว่านี่เป็นราคาพิเศษ คือ –
- คุณจะรับบริการได้ในราคานี้หากคุณรับบริการเป็นเวลา 48 เดือน หากเวลาสั้นลง ราคาต่อเดือนจะสูงขึ้นอีกหน่อย (ถ้าถามความเห็นเรา โดยทั่วไปใช้แพ็คเกจ 12 เดือนก็เกินพอละ ที่จะตัดสินใจว่า คุณควรมีเว็บไซต์ไหม และสำหรับทดลองโครงการออนไลน์ของคุณ)
- ราคาดังกล่าวจะมีผลตลอดระยะเวลาของแพ็คเกจที่คุณเลือก หลังจากนั้น บริการของคุณจะปรับเป็นราคาปกติ
ขอแจ้งให้ชัดเจน – การคิดค่าบริการลักษณะนี้เป็นปกติของบริการโฮสติงทั่วไป จึงไม่ได้เป็นการฉวยโอกาสของ Hostinger เท่านั้น
แพ็คเกจรวมทั้งสามแบบมาพร้อมกับเครื่องมือจำเป็นทุกอย่างสำหรับการเริ่มต้นง่ายๆ ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ คุณดูเพียงแค่ความแตกต่างเท่านั้น –
เดี่ยว | พรีเมียม | ธุรกิจ | |
---|---|---|---|
จำนวนโดเมน | 1 | ∞ | ∞ |
จำนวนที่อยู่อีเมล | 1 | ∞ | ∞ |
รวมบริการ SSL ฟรีแล้ว? | – | – | yes |
หน่วยสำรองข้อมูล | – | รายสัปดาห์ | รายวัน |
กำลังประมวลผล | 1x | 2x | 4x |
โดเมนฟรี? | – | Yes | yes |
แพ็คเกจ Single มีฟีจเจอร์น้อยไป ละพอสำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็กที่สุดเท่านั้น ขณะที่ Business เพิ่มผลประโยชน์ให้อีกแค่นิดหน่อยเมื่อเทียบกับแบบ Premium ในราคาสองเท่า
กล่าวอีกอย่างนึงก็คือ แพ็คเกจ Premium มีฟีจเจอร์สมดุลย์ที่สุด และที่สำคัญราคาต่ำสุดที่มารวมบริการโดเมนฟรีแล้ว
นอกจากนี้ ยังเป็นแพ็คเกจราคาถูกสุดที่มาพร้อมกับบริการสำรองข้อมูลอัตโนมัติ – คุณจะเห็นประโยชน์ของฟีจเจอร์นี้ทันที เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นกับเว็บไซต์ของคุณแค่ครั้งแรก :)
สรุปก็คือ สำหรับคนทั่วไป และองค์กรขนาดเล็กถึงขนาดกลาง แพ็คเกจรวมแบบพรีเมียมของ Hostinger เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ในตอนท้ายของรีวิว เราจะบอกรหัสเพื่อรับส่วนลดพิเศษอีก 15% สำหรับแพ็คเกจนี้ อย่าเพิ่งหนีไปไหนนะ!
ความพึงพอใจของเราในการใช้บริการของ Hostinger
เพื่อทำการรีวิวนี้ เราได้สั่งซื้อบริการ Hostinger เพื่อทดสอบโดยละเอียด ขณะนี้เราแบ่งปันประสบการณ์กับผู้อ่านบทความนี้
เมื่อคุณทำการสั่งซื้อแล้ว คุณจะเข้าใช้งานแผงควบคุมแอดมินโฮสติง – ที่นี่คือที่คุณใช้จัดการบัญชีโฮสติงของคุณ:
Hostinger เสนอแผงควบคุมที่ปรับค่าได้ ผลิตโดยนักพัฒนาของบริษัทเอง เราพบว่า แผงควบคุมนี้เป็นมิตรกับผู้ใช้งานและเข้าใจง่าย เมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นที่ใช้กันเยอะ เช่น cPanel หรือ Plesk
ทุกอย่างที่คุณต้องใช้แสดงเป็นช่องสี่เหลี่ยมพร้อมรูปภาพ และจัดเรียงเรียบร้อยเป็นกลุ่ม ให้คุณพบแต่ละบริการได้อย่างรวดเร็ว คุณยังค้นหาผ่านช่องด้านบนเพื่อเข้าสู่สิ่งที่ต้องการได้ด้วย
ถ้าคุณซื้อโดเมนพร้อมกับโฮสติง (ด้านล่าง เราจะชี้ให้เห็นว่าคุณรับบริการนี้ฟรีได้อย่างไร) สักพักโดเมนจะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ และคุณจะเริ่มสร้างเว็บไซต์ได้เลย
ในส่วนนี้ คุณจะใช้ Auto Installer (การติดตั้งอัตโนมัติ) เพื่อติดตั้งระบบจัดการเนื้อหา เช่น WordPress (เวิร์ดเพรส) – หรือใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ของ Hostinger โดยการ ลาก-และ-วาง ก็ได้ ทั้งสองวิธีเลือกได้จากช่อง เว็บไซต์ ในแผงควบคุมแอดมิน
หลังจากเราลองใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ ลาก-และ-วาง (ที่เค้าเรียกว่า ไซโร (Zyro)) เราบอกได้เลยว่า ไม่คุ้มค่าเสียเวลาของคุณ: แม่แบบ (Template) หน้าตาตกรุ่น และบางครั้งดูมั่วไปหมดเมื่อคุณลองปรับค่า เพื่อเป็นตัวอย่าง นี่คือสิ่งที่คุณจะได้หลังจากเปิดใช้งานแล้ว:
แทนที่จะทำแบบนั้น เราแนะนำให้คุณติดตั้ง WordPress (เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า WP) โดยใช้ การติดตั้งอัตโนมัติ ที่กล่าวถึงด้านบน เหตุผลที่คุณควรใช้เวิร์ดเพรสเพื่อทำเว็บไซต์แรกของคุณ คือ –
- เวิร์ดเพรสคือเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่มีการใช้งานมากที่สุดในโลก จึงมีแบบฝึก คู่มือ และเคล็ดลับให้ใช้ฟรีเป็นพัน – มีอยู่ทั่วอินเตอร์เน็ต!
- คุณเลือกแม่แบบได้เป็นพัน ฟรี จากบัญชีรายชื่ออย่างเป็นทางการ (ลองใช้ Bento ดูนะ เป็นตัวอย่าง – แม่แบบนี้มีฟังก์ชันหลายอย่าง และปรับใช้ง่าย)
- นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมเสริมฟรีเป็นพันสำหรับเวิร์ดเพรส ทำให้คุณเพิ่มฟังก์ชันอะไรก็ได้ให้กับเว็บของคุณ ทั้งปุ่มแชร์ในสังคมออนไลน์ และแบบฟอร์มติดต่อ ไปจนถึงเครื่องมือสร้างแบบ ลาก-และ-วาง
นอกจากตัวผลิตภัณฑ์แล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการบริการลูกค้าที่คุณจะได้รับ มาดูกันว่า Hostinger ให้บริการส่วนนี้ดีแค่ไหน
การบริการลูกค้าของ Hostinger
คุณขอความช่วยเหลือจากทีมงานของ Hostinger ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านการแชตด้านล่างขวาของแผงควบคุมแอดมิน
เพื่อทดสอบคุณภาพของการช่วยเหลือ เราลองสอบถามผ่านการแชต ได้รับการตอบคำถามเร็วมาก (ไม่กี่วินาทีเท่านั้น) และตัวแทนของ Hostinger เป็นมิตร สุภาพ และช่วยเหลือดีมาก บางทีเค้าใช้รูปแมวเพื่อสร้างบรรยากาศให้เบาๆด้วย ขณะที่คุณรอคำตอบ :)
นอกจากการแชตแล้ว ยังมีห้องสมุดฟรีซึ่งเต็มไปด้วยบทความเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของ Hostinger ทั้งหมด คุณพบบริการนี้โดยคลิกลิงค์ “ความช่วยเหลือ” (Help) ด้านบนของแผงควบคุมแอดมิน นอกจากนี้ ยังมีรายการคำถามที่พบบ่อย – มีโอกาสสูงมากที่คุณจะพบวิธีแก้ปัญหาของคุณได้ที่นี่
กล่าวโดยรวมนะ Hostinger ดีกว่าที่เราคาดหวังด้านคุณภาพของความช่วยเหลือ – โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีค่าบริการราคาถูกมาก เราเคยเห็นบริการแย่กว่านี้ จากบริษัทที่คิดราคาแพงกว่า
ข้อดีและข้อด้วยของ Hostinger
ตอนนี้เราได้วิเคราะห์ผลิตภัณฑ์และบริการของ Hostinger แล้ว รวมทั้งการบริการลูกค้า – มาสรุปด้านบวกและด้านลบกัน
- คุ้มค่า: ราคาคุ้มมากสำหรับแพ็คเกจโฮสติงทั้งหมด – อย่างที่ Hostinger กล่าว “คุณจ่ายแค่ค่าบริการโฮสติง, ไม่ได้จ่ายค่าโฆษณา”
- เสนอบริการยืดหยุ่นได้ให้กับลูกค้าทุกประเภท – ทั้งแต่บุคคลทั่วไปถึงธุรกิจขนาดเล็ก (โฮสติงรวม) ไปจนถึงบริษัทฯขนาดใหญ่ (โฮสติงธุรกิจ) และโปรแกรมเมอร์ผู้เชี่ยวชาญ (โฮสติง VPS)
- รับประกัน 99% ว่าใช้งานได้ตลอด – ประเด็นก็คือ Hostinger สัญญาว่าเว็บไซต์ของคุณจะใช้งานได้ตลอดเวลา กล่าวเป็นตัวเลขได้คือ อาจจะมีช่วงที่ระบบขัดข้องประมาณ 44 นาทีต่อเดือน แต่ในทางปฎิบัติแล้ว เวลาที่เว็บไซต์ใช้งานไม่ได้คือประมาณ 0 นาที ตามผลการทดสอบของเรา
- คุณจะได้รับโดเมนฟรีเมื่อคุณซื้อบริการโฮสติง ถ้าคุณเลือกแพ็คเกจ 12 เดือนขึ้นไป
- ใช้งานง่าย มีแผงควบคุมแอดมินที่ไม่เหมือนใคร ผลิตโดยทีมงานของ Hostinger เอง สำหรับลูกค้าของเค้าโดยเฉพาะ
- คุณติดตั้งเวิร์ดเพรสได้ด้วยไม่กี่คลิกโดยใช้ การติดตั้งอัตโนมัติ จากแผงควบคุมแอดมิน
- ห้องสมุดขนาดใหญ่ มีข้อมูลเพื่อการศึกษามากมายเกี่ยวกับการใช้งานผลิตภัณฑ์ของ Hostinger ลูกค้าทุกท่านใช้งานได้ฟรี
- บริการลูกค้าคุณภาพเยี่ยม ให้บริการโดยทีมงานที่เป็นมิตร รวดเร็ว และช่วยเหลือดีมาก พร้อมช่วยแก้ปัญหาของคุณตลอด 24 ชั่วโมง
- เครื่องมือสร้างเว็บไซต์เล็กเกิน แม่แบบล้าสมัยล้าสมัย และเกิดข้อผิดพลาดบ้างเมื่อมีการเปลี่ยนแม่แบบจากอันนึงไปเป็นอีกอันนึง เราแนะนำให้ใช้เวิร์ดเพรสดีกว่า
- ไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้ – คุณจำเป็นต้องใช้การแชต อีเมล หรือแบบฟอร์มติดต่อเท่านั้น
ก่อนที่เราจะจบการรีวิวพร้อมกับคำตัดสินของเรานี้ (คุณควรใช้บริการ Hostinger ไหม?) เราขอบอกขั้นตอนการรับส่วนลด 15% เมื่อซื้อบริการของ Hostinger
โบนัส: รหัสส่วนลด Hostinger – 15%
เราตื่นเต้นมากที่จะได้บอกวิธีรับส่วนลดเพิ่มโดยการใช้คูปองส่วนลดพิเศษ 15% กับเรา ทำตามขั้นตอนง่ายๆต่อไปนี้ เพื่อรับส่วนลดเมื่อสั่งซื้อบริการของ Hostinger
เนื่องจากเราได้สรุปไปแล้ว ก่อนหน้านี้ ว่าแพ็คเกจพรีเมียม 12 เดือนเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุดสำหรับกรณีทั่วไป เราจะใช้ตัวเลือกนี้เป็นตัวอย่างสำหรับวิธีการของเรา
- ไปยังหน้าโฮสติงรวมบนเว็บไซต์ทางการของ Hostinger โดยคลิกปุ่มด้านล่าง (หน้าต่างใหม่จะเปิดโดยอัตโนมัติ)
- ด้านล่างโฮสติงรวม Premium (พรีเมียม), คือ ตัวเลือกตรงกลาง, คลิกปุ่มใหญ่สีแดง “มาเริ่มกันเลย” คุณจะไปยังหน้าการตั้งค่า
- คลิกเลือกแพ็คเกจ 12 เดือน (แพ็คเกจนี้ราคาต่ำสุดที่คุณจะได้ชื่อโดเมนฟรี ไม่คุ้มหรอกที่จะซื้อแพ็คเกจ 3 เดือน)
- ในช่องโดเมนด้านล่าง ระบุชื่อโดเมนที่คุณต้องการ คุณอาจจะต้องลองหลายครั้งหน่อยก่อนที่จะได้ชื่อที่ลงทะเบียนได้
- แม้ขั้นตอนนี้ไม่จำเป็น เราแนะนำอย่างยิ่งว่าให้เลือกช่อง “SSL certificate” ด้วย – จ่ายเพียงเล็กน้อย แต่ตัวเลือกนี้จะทำให้เว็บไซต์ของคุณปลอดภัย และน่าเชื่อถือขึ้น เว็บไซต์ของคุณจะมาพร้อมกับรูปกุญแจสีเขียวปลอดภัยเมื่อคุณมี SSL
-
ตัวเลือกอื่นบนหน้านี้ไม่จำเป็นต้องใช้ – แน่นอนคุณจะเลือกด้วยก็ได้ แต่ถ้าไม่เลือก คุณโอเคแน่นอน ถึงตรงนี้ละ การตั้งค่าของคุณมีหน้าตาแบบนี้:
-
ถึงตรงนี้ ที่ด้านขวาของหน้า คุณจะพบตัวหนังสือเทาอ่อนเขียนว่า “มีรหัสส่วนลด?” ข้อความนี้ควรอยู่ด้านบนตัวเลขราคารวมที่คุณต้องจ่าย เมื่อคุณคลิกลิงค์ถัดจากนี้ คุณจะเห็นช่องว่างให้เติม พิมพ์รหัสนี้เลยจ้า:
special15
- หลังจากใส่รหัสแล้ว คลิกเครื่องหมายบวกด้านขวา (น่าจะกลายไปสีม่วงไวโอเล็ตละ) คุณจะเห็นข้อความแจ้งว่า รหัสคูปองได้รับแล้ว และส่วนลดจะปรากฏบนรายการสั่งซื้อของคุณ!
- ยินดีด้วยนะ! คุณเพิ่งประหยัดอีก 15% ในการสั่งซื้อบริการ Hostinger ของคุณ ทำให้ราคารวมดูดีขึ้นไปอีก
คำตัดสินของเรา และรีวิวการใช้งาน
หลังจากเราได้ทดสอบ Hostinger ทุกแง่มุม และใช้บริการมาระยะหนึ่งแล้ว เราสรุปได้ว่า เป็นบริษัทให้บริการโฮสติงที่ไว้ใจได้: คุ้มค่า ไม่ซับซ้อน ใช้งานง่าย และมีบริการช่วยเหลือดี มีทุกอย่างที่คุณต้องการในการสร้าง และจัดการเว็บไซต์ของคุณ
เราบอกวิธีไว้ ด้านบน แล้ว คุณประหยัดอีก 15% ได้ เมื่อคุณสั่งซื้อบริการ Hostinger โดยใช้รหัสส่วนลดของเรา จำนวนอาจจะไม่เยอะ เพราะบริการ Hostinger ราคาไม่สูงอยู่แล้ว แต่ก็เป็นโบนัสที่ดีทีเดียว จริงมะ?
เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง: เราเชื่อว่าเราควรแสดงความจริงใจและแจ้งให้คุณทราบว่า ลิงค์บางส่วนในรีวิวนี้เป็นบริการพันธมิตรของเรา หมายถึง เราได้รับค่านายหน้าเล็กน้อยเมื่อคุณซื้อบริการของ Hostinger ผ่านลิงค์เหล่านั้น แต่แน่นอน ความร่วมมือดังกล่าวไม่กระทบต่อราคาที่คุณจ่ายให้กับ Hostinger แต่อย่างไร
คุณตั้งใจจะใช้บริการของ Hostinger แต่ยังไม่แน่ใจว่าต้องทำอะไรบ้าง หรือเลือกแพ็คเกจไหนหรือเปล่า? หรือคุณเริ่มใช้บริการของ Hostinger แล้ว และต้องการแบ่งปันประสบการณ์? ไม่ว่าอะไรก็ตาม ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสนทนาของเราใน คอมเมนต์ด้านล่าง เข้ามาช่วยกันเถอะ!
ขอบคุณ!