☑︎ รีวิวนี้อัปเดตล่าสุดเมื่อ กรกฎาคม 2025

Hostinger เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโฮสติงที่มีราคาย่อมเยาที่สุดในบรรดายักษ์ใหญ่ของวงการตอนนี้ แต่ “ถูกและใหญ่” ไม่ได้แปลว่า “ดี” เสมอไปนะ –

อย่างเรือไททานิคก็ใหญ่นะ… แถมตั๋วก็ไม่ได้แพงสุดๆ ด้วย

แทนที่จะเชื่อคำโฆษณาหรือกระแสกลุ่มชน เราเลยตัดสินใจใช้ ข้อมูลจริงและประสบการณ์ตรง มาพิสูจน์ให้เห็นว่า Hostinger คุ้มจริงหรือแค่ดูดีเฉยๆ

สรุปสั้นๆ: Hostinger ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดในตอนนี้ ทั้งราคา ฟีเจอร์ และความง่ายในการใช้งาน สำหรับใครที่อยากสร้างบล็อกส่วนตัว หรือเว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็ก–กลาง ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากทีเดียว

ราคา: คุ้มแค่ไหน? อ่านเพิ่มเติม
10/10
เซิร์ฟเวอร์: เร็วและเสถียรจริงไหม? ดูผลการทดสอบ
7/10
ฟีเจอร์: ได้อะไรบ้างในแพ็คเกจ? ดูรายละเอียด
9/10
ซัพพอร์ต: ตอบเร็วไหม? แก้ปัญหาได้จริงหรือเปล่า? ลองดูเลย
8/10

ถ้าคุณพิมพ์ว่า hostenger, hosinger หรือ hostiger แล้วเผลอหลงเข้ามาที่นี่ — ใช่แล้วครับ มาถูกที่ละ 😄

เราจะพาคุณไล่เรียงทุกอย่างที่ควรรู้เกี่ยวกับ Hostinger — พร้อมชี้ให้เห็นว่าเมื่อไหร่ควรใช้ และเมื่อไหร่ควรเลี่ยง:

Hostinger ใหญ่แค่ไหนกันนะ?

เพื่อให้คุณเห็นภาพว่า Hostinger ใหญ่โตขนาดไหน — ตอนนี้บริษัทมีลูกค้ามากกว่า 3.5 ล้านคน จากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก

และดูเหมือนจะยังไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัว – จากข้อมูลของบริษัทเอง Hostinger ยังคงมีผู้ใช้งานใหม่เพิ่มขึ้นทุกๆ 5 วินาที

Hostinger คืออะไร

แต่เดี๋ยวก่อน – Hostinger ไม่ได้เป็นบริษัทระดับโลกแบบนี้ตั้งแต่แรกนะ
ย้อนไปในปี 2004 จุดเริ่มต้นของ Hostinger คือบริษัทเล็กๆ ในลิทัวเนีย ที่มีแนวคิดชัดเจน:

“คนไม่ได้อยากจ่ายเงินค่าโฆษณาของเรา — เค้าอยากจ่ายแค่ค่าโฮสติง: ที่เรียบง่าย, เชื่อถือได้ และราคาต่ำที่สุด”

หลังจากเวลาผ่านไปนานนับสิบปี หลักคิดนี้ก็ยังเป็นหัวใจของ Hostinger อยู่เสมอ:
บริการคุณภาพสูง ในราคา ที่ทุกคนเอื้อมถึง

งั้นมาดูกันดีกว่าว่า Hostinger มีอะไรให้บ้าง:

จะเลือกแพ็คเกจไหนของ Hostinger ดี?

ณ 2025, Hostinger มีแพ็คเกจโฮสติงหลักๆ อยู่ 2 แบบสำหรับเว็บไซต์ทั่วไป: Premium และ Business

ทั้งสองแพ็คเกจนี้มาพร้อมกับการติดตั้ง WordPress แบบคลิกเดียว, อีเมลฟรี, และชื่อโดเมน —
แต่เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ต่างกัน

คู่มือเลือกแบบเร่งด่วนมีดังนี้:

  1. คุณกำลังจะสร้างเว็บไซต์ส่วนตัว หรือเว็บธุรกิจขนาดเล็ก?
    แพ็คเกจ Premium คือจุดเริ่มต้นที่คุ้มที่สุด รองรับเว็บไซต์สูงสุด 100 แห่ง, มีพื้นที่ SSD 100 GB และราคาดีเกินหน้าเกินตาคู่แข่ง
  2. กำลังจะเปิดร้านค้าออนไลน์ หรือคาดว่าจะมีคนเข้าเว็บเยอะ?
    ถ้าแบบนั้น Business เหมาะกว่า — มี RAM และ CPU เพิ่มขึ้น, รองรับ WooCommerce พร้อมสำรองข้อมูลรายวันให้อุ่นใจ
  3. อยากตั้งค่าระบบเองได้ทุกจุด?
    งั้นคุณน่าจะมองหา VPS hosting แล้วล่ะ — มีทรัพยากรเฉพาะตัว และเข้าถึงระดับ root เหมาะกับนักพัฒนา
  4. มีโปรเจกต์ใหญ่ที่ต้องขยายระบบได้ง่ายๆ?
    ลองดู Cloud hosting — ทางเลือกที่ทรงพลังที่สุดของ Hostinger ให้ทรัพยากรการันตี, ระบบ uptime ระดับพรีเมียม และการจัดการโหลดแบบอัตโนมัติ

สรุปสั้นๆ: ถ้าคุณจะสร้างเว็บธรรมดาหรือบล็อก — เลือก Premium แต่ถ้าจะขายของออนไลน์ หรือมีคนเข้าเว็บเยอะ — ไปทาง Business ส่วน VPS และ Cloud เหมาะกับสายโปรที่ต้องการประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นขั้นสุด

…เอ๊ะ แล้วแบบนี้ ควรใช้ Hostinger จริงหรือเปล่า?
ดีเลยครับที่ยังอ่านต่ออยู่ เพราะเรากำลังจะเจาะลึกข้อมูลด้านเทคนิค 🤓
รวมถึงประสบการณ์ใช้งานจริงของเราในส่วนถัดไป

ไปกันต่อเลย!

ความเร็วและความเสถียรของ Hostinger: เชื่อถือได้แค่ไหน?

นอกจากเรื่องฟีเจอร์และราคาแล้ว ปัจจัยสำคัญอีกอย่างในการเลือกโฮสติงก็คือ “เสถียรภาพ”
พูดให้ตรงคือ uptime (เวลาที่เซิร์ฟเวอร์ทำงานได้ต่อเนื่อง) และ response time (ความเร็วที่ตอบสนองผู้ใช้งาน)

เพื่อวัด uptime ของ Hostinger เราสามารถดูได้จากทั้งสถิติที่ Hostinger รายงานเอง และจากบริการของบุคคลที่สาม

แบบแรกสามารถเข้าไปดูได้บนหน้า Server Monitor ของบริษัท ซึ่งจะแสดง uptime แบบรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือนของเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 150 ตัวทั่วโลก หน้าตาประมาณนี้:

Hostinger uptime

หากเลื่อนลงไปด้านล่างของตาราง จะเห็นสถิติรวมของทุกเซิร์ฟเวอร์ —
ตรงนี้แหละที่เราควรสนใจ

ดูค่าเฉลี่ย 30 วันย้อนหลัง เพื่อดูว่าเว็บไซต์ของคุณอาจจะ “ล่ม” กี่นาทีต่อเดือน

ในช่วง กรกฎาคม 2025 ตัวเลขนี้อยู่ที่ราวๆ 99.9%
ซึ่งหมายความว่าเว็บไซต์คุณจะไม่สามารถเข้าถึงได้เพียงประมาณ 42 นาทีต่อเดือน —
ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติสำหรับโฮสติงสมัยใหม่

ผลลัพธ์นี้สอดคล้องกับตัวเลข 99.908% ที่ Hrank วัดจากระบบของตัวเอง
และยังอยู่ภายในขอบเขตการันตี Uptime ของ Hostinger ซึ่งระบุไว้ชัดเจนในข้อ 7 ของ ข้อตกลงการใช้บริการ ที่ระดับ 99.9% พอดี

***

แล้วเรื่องความเร็วล่ะ?
จุดนี้ซับซ้อนกว่าเล็กน้อย เพราะความเร็วโหลดหน้าเว็บขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยนอกเหนือจากฝั่งโฮสติง

เช่น ขนาดรวมของรูปภาพบนหน้าเว็บ, จำนวนปลั๊กอินที่ใช้ใน WordPress,
และการตั้งค่าอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ของโฮสต์

เพราะงั้น เราจะโฟกัสเฉพาะ response time — หรือระยะเวลา (วัดเป็นมิลลิวินาที)
ที่เซิร์ฟเวอร์ตอบสนองคำขอจากเบราว์เซอร์เมื่อมีคนพยายามเข้าเว็บไซต์

จากข้อมูลของ Hrank (ซึ่งใช้บอตวัดผลแบบอัตโนมัติ)
Hostinger มีค่าเฉลี่ย response time อยู่ที่ประมาณ 800 มิลลิวินาที:

Hostinger uptime

Response time โดยเฉลี่ยของ Hostinger ที่วัดโดย Hrank (ยิ่งต่ำยิ่งดี)

จากกราฟจะเห็นว่า response time ของ Hostinger มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ซึ่งหมายถึงว่าเว็บไซต์จะโหลดเร็วขึ้น — ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการอัปเกรดระบบเซิร์ฟเวอร์

โดยทั่วไปแล้ว ถ้าค่า response time ต่ำกว่า 1000 ms สำหรับ shared hosting ถือว่า “ดีมาก”
และ Hostinger ก็ทำได้ดีกว่าคู่แข่งรายใหญ่หลายเจ้า

โอเค ตอนนี้เราดูข้อมูลในภาพรวมกันไปแล้ว
งั้นไปต่อกันที่ประสบการณ์ใช้งานจริงของเราบ้าง:

ประสบการณ์ใช้งานจริงกับ Hostinger

อย่างที่เราได้กล่าวไว้ใน ตอนก่อนหน้า — Hostinger มีแพ็คเกจสำหรับเกือบทุกประเภทของผู้ใช้งาน
แต่ส่วนใหญ่แล้ว คนมักเริ่มต้นจาก Shared Hosting
ดังนั้นเราจะโฟกัสรีวิวในส่วนนี้เป็นหลัก

เมื่อคุณสั่งซื้อแพ็คเกจ (ดูวิธีรับ ส่วนลดพิเศษ ด้านล่าง)
คุณจะเข้าสู่หน้าแผงควบคุม (admin panel) ที่ออกแบบโดยทีม Hostinger เอง

ตรงนี้แหละที่คุณจะใช้จัดการเว็บ โฮสติง โดเมน และการตั้งค่าต่างๆ:

Hostinger dashboard

ไม่เหมือนกับ cPanel หรือ Plesk ทั่วไป — แผงควบคุมนี้สร้างขึ้นโดย Hostinger เอง 100%
และขอบอกเลยว่า มันเวิร์คมาก

หน้าตาสะอาดตา เรียงฟีเจอร์เป็นกล่องไอคอน เข้าใจง่ายแบบไม่ดูถูกผู้ใช้
ด้านบนยังมีช่องค้นหา ทำให้หาอะไรก็เจอเร็ว

คุณสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้จากที่เดียว:

🖱️ ติดตั้ง WordPress แบบคลิกเดียว (จริงๆ แค่คลิกเดียว)
⚙️ จัดการไฟล์และฐานข้อมูลโดยไม่ต้องออกจากหน้าหลัก
📧 ตั้งค่าอีเมล SSL แคช cron job ได้ในไม่กี่คลิก

สำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ ทุกอย่าง “ใช้งานได้เลย” แบบไม่ต้องตั้งค่าเพิ่ม
ซึ่งเอาตรงๆ มันคือสิ่งที่เราคาดหวังจากโฮสติงในยุค 2025

และ Hostinger เองก็ไม่หยุดอยู่กับที่ —
ตอนนี้มีเครื่องมือ AI (ปัญญาประดิษฐ์) ผนวกมาในระบบแบบจัดเต็ม:

  • AI Website Builder: ธีม WordPress ที่ตั้งค่าโครงสร้างและเนื้อหาหน้าแรกให้อัตโนมัติ ช่วยประหยัดเวลามหาศาล โดยเฉพาะถ้าคุณเพิ่งเริ่มทำเว็บ
  • AI Content Assistant: ปลั๊กอินเขียนคอนเทนต์ใน WordPress จาก Hostinger เอง
    ช่วยสร้างบทความหรือหน้าแลนดิ้ง พร้อม SEO ครบครัน ใช้เป็นร่างแรกได้ดีตอนที่คิดไม่ออก
  • AI Image Picker: เลือกรูปภาพสต็อกอัตโนมัติตามเนื้อหาของคุณ
    อาจจะไม่แม่นเป๊ะทุกครั้ง แต่ช่วยให้ทำเว็บเสร็จเร็วขึ้นมาก

สำหรับมือใหม่ที่เริ่มจากศูนย์ เครื่องมือเหล่านี้สามารถ ลดเวลาสร้างเว็บไซต์ลงครึ่งหนึ่ง ได้เลย ⏩

ส่วนคนที่มีประสบการณ์แล้วก็ยังใช้มันช่วยทำ mockup หรือร่างโครงเบื้องต้นได้ดี
ก่อนจะค่อยๆ ปรับแต่งในภายหลัง

สรุปสั้นๆ คือ:

แผงควบคุมของ Hostinger ผสมผสานความง่ายสำหรับมือใหม่
กับความยืดหยุ่นระดับโปรได้ลงตัว —
และตอนนี้ก็มีพลัง AI เข้ามาช่วยเพิ่มสปีดให้เร็วกว่าเดิมอีกขั้น

พูดถึง AI แล้ว เราคงไม่พลาดที่จะพูดถึงเจ้า Horizons:

Hostinger Horizons: เครื่องมือสร้างเว็บไซต์และแอปด้วย AI เจเนอเรชันใหม่

ผู้ให้บริการโฮสติงรายใหญ่แทบทุกเจ้าตอนนี้ก็มีเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ด้วย AI กันหมดแล้ว
แต่ Hostinger กำลังจะไปไกลกว่านั้นอีกขั้น:

Hostinger Horizons คือผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ให้คุณสร้างเว็บไซต์ หรือแม้แต่เว็บแอปได้ จากการพิมพ์คำอธิบายเพียงประโยคเดียว — คิดซะว่าเป็น ChatGPT เวอร์ชันเว็บโฮสติง

เราคิดว่าสิ่งที่ Hostinger มีอยู่ก่อนหน้านี้ก็ง่ายมากแล้วสำหรับคนเริ่มต้น
แต่ Horizons ง่ายกว่านั้นอีก:

  1. บอกไอเดียของคุณ: แค่บอก AI ว่าคุณอยากสร้างอะไร — เว็บไซต์, ตัวจัดการงาน, ฟิตเนสแทรกเกอร์ หรืออะไรก็ได้
  2. แก้ไขแบบสด: ปรับดีไซน์หรือเนื้อหาผ่านการแชตกับ AI ได้เลย ปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ
  3. เปิดเว็บได้ทันที: คลิกเดียวก็ออนไลน์ พร้อมโฮสติงและชื่อโดเมนภายใต้ระบบของ Hostinger

บางคนอาจแย้งว่า “ตอนนี้มีสตาร์ทอัปที่สร้างเว็บจากคำสั่ง text ผุดขึ้นเพียบเลย”
เราขอยกมุมนี้ให้…

จริงครับ — แต่ไม่มีเจ้าไหนที่มีโครงสร้างพื้นฐาน, ทีมซัพพอร์ต,
และประสบการณ์ 20 ปีในวงการเหมือน Hostinger

Horizons ให้คุณทดลองฟรี 7 วัน พร้อมโควต้าวันละ 5 prompt
หลังจากนั้นจะมีแพ็คเกจให้เลือกตามจำนวน prompt ต่อเดือนที่คุณต้องการ —
ตั้งแต่ 50 ในแผน Explorer ไปจนถึง 500 ใน Hustler:

แพ็คเกจ Prompt / เดือน เหมาะกับใคร ราคา
Explorer 50 คนที่อยากลองใช้ Horizons หรือแค่ทดลองเล่นเป็นครั้งคราว $9.99 / เดือน
Starter 100 นักเรียน, มือใหม่ หรือใครก็ตามที่เพิ่งเริ่มต้น $19.99 / เดือน
Hobbyist 250 ฟรีแลนซ์, ครีเอเตอร์สายเดี่ยว, หรือสายโปรเจกต์สุดสัปดาห์ $49.99 / เดือน
Hustler 500 ทีมสตาร์ทอัป, ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือใครที่กำลังเร่งขยายไอเดีย $99.99 / เดือน

เหมือนกับเครื่องมือ AI ทั่วไป — คุณภาพผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับคำสั่งที่คุณใส่
แต่ความสะดวกและความเร็ว ยากจะมองข้ามได้

ตอนนี้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์หรือบริการออนไลน์เกือบทุกประเภทได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง (หรือไม่กี่นาที) ⚡
ไม่ต้องจ้าง dev แพง หรือรู้โค้ดแม้แต่นิดเดียว!

ลองใช้ Horizons ฟรี ›

ผลิตภัณฑ์นี้น่าจะ พัฒนาอีกมาก ตามเทคโนโลยีเบื้องหลังที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
เราจะอัปเดตรีวิวให้ทันอยู่เสมอ!

ว่าแล้วก็กลับเข้าสู่ฝั่งมนุษย์กันบ้างดีกว่า:

การบริการลูกค้าของ Hostinger

หนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับบริการโฮสติงคือ “จะช่วยคุณได้แค่ไหนเวลาทุกอย่างพัง”
แล้ว Hostinger ทำได้ดีแค่ไหน?

คำตอบสั้นๆ: ดีกว่าที่คิด — โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับราคาค่าบริการที่ถูกมาก

Hostinger มี แชตสด 24 ชั่วโมงทุกวัน ให้คุณติดต่อได้ทันทีจากแผงควบคุม hPanel
ไม่ต้องส่งอีเมล ไม่ต้องเปิดตั๋ว ทุกอย่างจบในหน้าจอบริหารเว็บไซต์ของคุณ

รู้หรือเปล่า: Hostinger ยกเลิกระบบอีเมลซัพพอร์ตแบบเดิมๆ ไปแล้ว
เพื่อโฟกัสกับแชตแบบเรียลไทม์เต็มที่ — ซึ่งช่วยให้เวลาตอบกลับเร็วขึ้นมาก

ในการทดสอบล่าสุดของเรา:

  • ตอบกลับครั้งแรกในเวลาเพียง ไม่กี่วินาทีถึง 2–3 นาที แล้วแต่ช่วงเวลา
  • ทีมซัพพอร์ต สุภาพ ใจเย็น และรู้จริง — แม้ตอนเราถามอะไรยากๆ ทางเทคนิค
  • บางครั้งทีมงานยังส่งรูปภาพน่ารักๆ (เช่น รูปแมว 🐈) มาให้ระหว่างรอ — น่ารักดีแฮะ

นอกจากนี้ Hostinger ยังมี คลังความรู้ (Knowledge Base) ขนาดใหญ่
เข้าได้จากปุ่ม “Help” ใน hPanel หรือหน้าเว็บหลัก
เนื้อหาในนี้ครอบคลุม:

  • คู่มือการติดตั้งเว็บไซต์ และการจัดการโฮสติงแบบ step-by-step
  • บทความแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ WordPress, อีเมล, โดเมน, ความเร็วเว็บไซต์ และอื่นๆ
  • ข้อมูลอัปเดตสถานะระบบ และคำอธิบายบริการต่างๆ

ยังไม่ได้เป็นลูกค้า Hostinger?

คุณยังสามารถติดต่อได้ผ่าน ฟอร์มติดต่อบนเว็บไซต์
แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าลูกค้าที่มีแพ็คเกจอยู่แล้วจะได้รับความช่วยเหลือก่อนเป็นลำดับ

สรุปสั้นๆ:

✅ แชตสด 24/7 ในแผงควบคุม hPanel
✅ คลังความรู้แบบค้นหาได้ง่าย
❌ ไม่มีบริการทางโทรศัพท์
❌ ไม่มีระบบอีเมลซัพพอร์ตแบบดั้งเดิม

โดยรวมแล้ว Hostinger เกินความคาดหวังของเรา ด้านบริการลูกค้า —
ยิ่งเทียบกับผู้ให้บริการในระดับราคานี้แล้ว ถือว่าดีมากจริงๆ

การคืนเงิน และการยกเลิกบริการ Hostinger

Hostinger มี รับประกันคืนเงิน 30 วัน สำหรับบริการส่วนใหญ่
รวมถึง shared hosting, VPS, และการโอนโดเมน

แต่มีข้อควรทราบเล็กน้อย:

  • ชื่อโดเมนที่เพิ่งจดใหม่ จะขอคืนเงินได้ภายใน 96 ชั่วโมงเท่านั้น (และบาง TLD จะไม่สามารถคืนได้เลย)
  • บริการบางอย่าง เช่น การต่ออายุโดเมน, การป้องกันความเป็นส่วนตัว, หรือ SEO toolkit ไม่สามารถขอคืนเงินได้
  • การชำระด้วยคริปโตไม่สามารถขอคืนเงินได้ (ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานทั่วไป)

ถ้าคุณต้องการยกเลิกบริการใดๆ ที่มีอยู่ ให้เข้าสู่ hPanel แล้วค้นหาคำว่า Deactivate Account
ทำตามขั้นตอนที่ปรากฏได้เลย — ง่าย ไม่ต้องคุยกับเจ้าหน้าที่ก็ทำได้

⚠️ ถ้าอยาก ลบทั้งบัญชีถาวร — ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ซัพพอร์ต
และถ้าคุณอยู่ในสหภาพยุโรป แนะนำให้พูดถึงสิทธิภายใต้ GDPR เพื่อให้เรื่องดำเนินการเร็วขึ้น

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Hostinger

ก่อนที่เราจะไปสรุปข้อดีข้อเสียของ Hostinger —
นี่คือคำถามที่เราเจอบ่อยที่สุดจากทั้งในเว็บและคอมเมนต์ของผู้อ่าน:

Hostinger ใช้บริการฟรีได้ไหม?

ไม่ได้ครับ — Hostinger เคย มีบริการฟรีเมื่อหลายปีก่อน
แต่ใน 2025 ทุกแพ็คเกจเป็นแบบ ชำระเงินทั้งหมด
ข่าวดีคือราคายังถือว่า ถูกที่สุด เมื่อเทียบกับเจ้าใหญ่ๆ ในตลาด

Hostinger เหมาะกับ WordPress ไหม?

เหมาะมาก — มีระบบติดตั้ง WordPress แบบคลิกเดียว
มาพร้อม LiteSpeed cache และเครื่องมือ AI สำหรับช่วยเขียนเนื้อหาและจัดโครงสร้างเว็บ
ใช้งานได้ดีทั้งมือใหม่และสาย WP มืออาชีพ

Hostinger มีบริการซัพพอร์ตทางโทรศัพท์ไหม?

ไม่มีครับ — ทีมซัพพอร์ตของ Hostinger
ให้บริการผ่าน แชตสดในแผงควบคุม ตลอด 24 ชั่วโมง
ไม่มีสายด่วนหรืออีเมลแบบเดิมอีกต่อไป

Hostinger เชื่อถือได้ไหม?

เชื่อถือได้ครับ — จากการติดตาม uptime และการทดสอบโดยบุคคลที่สาม
Hostinger มีค่า uptime เฉลี่ยอยู่ที่ 99.9%
พร้อม response time ที่ใช้ได้ทั่วโลก ถือว่าเสถียรมากเมื่อเทียบกับราคา

สามารถเปลี่ยนแพ็คเกจ Hostinger ได้ภายหลังไหม?

ได้แน่นอน — คุณสามารถอัปเกรดหรือลดระดับแพ็คเกจ
ระหว่าง Premium กับ Business หรือเปลี่ยนไปใช้ VPS / Cloud ได้ ตลอดเวลา
ระบบจะคืนเงินส่วนที่ยังไม่ได้ใช้เป็นเครดิตให้อัตโนมัติ

Hostinger มีบริการอีเมลให้ไหม?

มีครับ — ทุกแพ็คเกจโฮสติงของ Hostinger
มาพร้อม อีเมลใช้งานฟรี คุณสามารถสร้างอีเมลแบบคุณ@โดเมนของคุณ
และเข้าใช้งานผ่านเว็บเมล หรือเชื่อมต่อกับ Gmail / Outlook ได้เช่นกัน

สามารถลองใช้ Hostinger แบบไม่เสี่ยงได้ไหม?

ได้ครับ — Hostinger มี การรับประกันคืนเงิน 30 วัน สำหรับบริการหลัก
หากคุณไม่พอใจ สามารถกดยกเลิกผ่าน hPanel และ ขอคืนเงินได้เลย
ไม่ต้องเขียนอีเมลยืดยาวให้เสียเวลา

ข้อดีและข้อเสียของ Hostinger

ตอนนี้เราได้สำรวจบริการต่างๆ ของ Hostinger รวมถึงการซัพพอร์ตลูกค้าไปแล้ว
ถึงเวลาสรุปกันแบบตรงไปตรงมา — ข้อดีข้อด้อยมีอะไรบ้าง?

  • ความคุ้มค่าเกินราคา: แพ็คเกจโฮสติงราคาดีมาก
    อย่างที่ Hostinger บอกไว้ “คุณจ่ายเฉพาะค่าบริการ ไม่ได้จ่ายค่าโฆษณา”
  • แพ็คเกจยืดหยุ่น รองรับผู้ใช้ทุกกลุ่ม —
    ตั้งแต่บุคคลทั่วไป, ธุรกิจขนาดเล็ก (shared hosting)
    ไปจนถึงองค์กรใหญ่และนักพัฒนา (VPS และ cloud hosting)
  • การันตี uptime 99.9%
    หมายความว่าเว็บไซต์ของคุณจะออนไลน์เกือบตลอดเวลา
    ตัวเลขนี้เทียบเท่ากับล่มได้ไม่เกิน 44 นาทีต่อเดือน
    แต่จากผลการทดสอบของเรา ตัวเลขจริงใกล้เคียงกับ “0 นาที” เลย
  • ฟรีโดเมน เมื่อคุณสั่งซื้อแพ็คเกจโฮสติงแบบ 12 เดือนขึ้นไป
  • มี เครื่องมือ AI ให้ใช้งานเยอะมาก เช่น ระบบสร้างเว็บไซต์, ตัวช่วยเขียนเนื้อหา, และเลือกภาพประกอบ
  • ทีมซัพพอร์ตตอบเร็ว เป็นมิตร ช่วยแก้ปัญหาได้ดี ตลอด 24 ชั่วโมง
  • ไม่มีบริการโทรศัพท์ — วิธีติดต่อ Hostinger คือแชตเท่านั้น
  • ไม่เหมาะกับสาย Dev สายลึก
    ถ้าคุณต้องการ root access, สร้าง custom stack เอง หรือใช้ SSH ขั้นสูง
    Hostinger ไม่ใช่ Digital Ocean
    โฮสติงที่นี่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย จึงจำกัดความยืดหยุ่นในบางจุด (โดยเฉพาะใน shared hosting)

ก่อนที่เราจะไปสู่บทสรุปและคำตัดสินสุดท้าย (Hostinger เหมาะกับคุณไหม?)
ต่อไปคือวิธีใช้รหัสเพื่อรับส่วนลดพิเศษเพิ่มในการสั่งซื้อ:

โบนัส: โค้ดส่วนลด Hostinger

เราจะไม่บอกว่าคุณ ควร เลือก Hostinger เสมอไปนะ —
แต่ถ้าคุณตัดสินใจจะใช้งานเจ้านี้แล้วล่ะก็
ใครจะไม่อยากได้ส่วนลดเพิ่มอีกสักหน่อย จริงไหม?

แค่ทำตามขั้นตอนง่ายๆ ด้านล่างนี้:

  1. ไปยังเว็บไซต์ทางการของ Hostinger โดยคลิกปุ่มด้านล่าง (ลิงก์จะเปิดในแท็บใหม่):

    รับดีลพิเศษจาก Hostinger ›

  2. เลือกแพ็คเกจโฮสติงที่คุณต้องการ (ดูคำแนะนำ ด้านบนตรงนี้)
    แล้วกดไปที่หน้าชำระเงิน
  3. ฝั่งขวาของหน้าชำระเงิน มองหาข้อความตัวเทาเล็กๆ ที่เขียนว่า “มีรหัสโปรโมชั่น?
    คลิกที่ลิงก์ข้างๆ เพื่อเปิดช่องใส่โค้ด

    ตัวอย่างการใส่โค้ด Hostinger

  4. คัดลอกและวางโค้ดนี้ลงไปในช่องว่าง:

    special15
  5. คลิกปุ่ม “+” ด้านขวาเพื่อใช้โค้ด
    ถ้าทุกอย่างผ่าน คุณจะเห็นข้อความยืนยัน และยอดรวมจะลดลงอัตโนมัติ
  6. เรียบร้อย! คุณเพิ่งปลดล็อกส่วนลดพิเศษสำหรับโฮสติงของคุณ
    ได้เวลาเริ่มสร้างเว็บเจ๋งๆ แล้วครับ 🚀

ถ้าโค้ดส่วนลดด้านบนใช้ไม่ได้ในกรณีของคุณ
แจ้งเราได้เลยที่ คอมเมนต์ด้านล่าง
เราจะตรวจสอบและพยายามหาทางให้คุณได้โค้ดที่ใช้งานได้แน่นอน

สรุป: Hostinger คุ้มไหมในปีนี้?

เมื่อพิจารณาทุกแง่มุมแล้ว — คำถามคือ
คุณควรเลือกใช้ Hostinger สำหรับโปรเจกต์ถัดไปของคุณหรือเปล่า?

จากประสบการณ์การใช้งาน Hostinger มานานกว่า 10 ปี
เราสามารถสรุปได้เลยว่าแบรนด์นี้คือภาพแทนของคำว่า คุ้มค่า อย่างแท้จริง
ราคาถูกแบบไม่น่าเชื่อสำหรับสิ่งที่คุณได้รับ — และมันก็ ใช้งานได้จริง 🧘

แถม Hostinger ยังพัฒนาไม่หยุด — อัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ และประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้นทุกเดือน

บทสรุป: Hostinger คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดใน 2025
ถ้าคุณต้องการความเรียบง่าย ความเร็ว ความเสถียร และราคาสมเหตุสมผลในแพ็คเกจเดียว

หากคุณตัดสินใจลองใช้ Hostinger —
อย่าลืมดู ขั้นตอนการใช้โค้ดส่วนลด เพื่อประหยัดเพิ่มตอนชำระเงิน

***

ยังมีคำถามเกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์ แพ็คเกจ หรือการซัพพอร์ตอยู่ไหม?
หรือคุณกำลังใช้งาน Hostinger อยู่แล้ว และอยากแชร์ประสบการณ์?

👇 เข้าร่วมการสนทนาใน คอมเมนต์ด้านล่างนี้
มาช่วยกันตัดสินใจอย่างมีข้อมูลกันครับ!

เปิดเผยข้อมูลพันธมิตร: ถ้าคุณเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์
เราขอขอบคุณล่วงหน้าหากคุณเลือกใช้ลิงก์ในบทความนี้เพื่อซื้อบริการจาก Hostinger
ราคาที่คุณจ่ายจะไม่เพิ่มขึ้นเลย — แต่คุณจะช่วยสนับสนุนให้เราสร้างเนื้อหาดีๆ แบบนี้ต่อไปได้ 🙏

หาข้อมูลบางอย่างไม่เจอ? ถามเราได้ทุกคำถาม!
🤓
ฉันต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hostinger
🤨
ฉันยังมีคำถามเกี่ยวกับ Hostinger
🤔
ฉันตัดสินใจไม่ได้ว่า Hostinger คือเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่เหมาะจริงไหม
🙄
อื่นๆ ...

มาคุยก

1 comments